คู่มือ SEO โรงแรมในประเทศไทย
การตลาดด้านการบริการมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มี นักท่องเที่ยวกว่า 32 ล้านคนต่อปี แต่ว่า การแข่งขันระหว่างโรงแรมไม่เคยสูงไปกว่านี้ ที่มีเห็นจะเป็นการแข่งขันของ Airbnb และเว็บไซต์ขายห้องพักอื่น ๆ เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วคุณจะรู้ว่า การสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจนั้น เป็นเรื่องยากโดยแท้
รวมถึงการเดินทางของนักท่องเที่ยว ก็มักเปลี่ยนไปตลอดเวลา จากความสนใจทั่วไป ไปจนถึงการจองที่พัก นักท่องเที่ยวชอบเว็บไซต์ที่รวดเร็ว ให้ข้อมูลถูกต้อง และมีรายละเอียดน่าสนใจ รวมถึงมีการนำทางแบบลอจิคัลอยู่ในนั้นด้วย แต่สิ่งที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของนักเดินทางเหล่านี้ คือการสร้างความเชื่อมั่นและการทำให้รับรู้ถึง ความเชี่ยวชาญที่คุณมี
กลายเป็นความโชคดี ที่เหล่าผู้ประกอบการโรงแรมหลายแห่ง ไม่เน้นการปรับแต่งเว็บไซต์ด้วย SEO กลุ่มโรงแรม ดังนั้นคุณเห็นช่องว่างนี้ ซึ่งสามารถเติมเต็มมันได้ และเห็นวิธีที่จะทำให้ตัวเองปรากฏอยู่ในผลการค้นหาหน้าแรก การทำ SEO กลุ่มโรงแรมมีเป้าหมายเพื่อทำให้ เว็บไซต์คุณน่าดึงดูดสำหรับเครื่องมือค้นหามากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือกลุ่มนักท่องเที่ยว ยิ่งประสบการณ์บนเว็บไซต์โรงแรมของคุณดีมากเท่าไหร่ คนยิ่งจะค้นเจอเว็บไซต์คุณที่ Google กำหนดให้เห็นมากเท่านั้น
ถึงคราที่ต้องบอกลาเอเจนท์ขายห้องพักออนไลน์ต่าง ๆ (OTAs) รวมถึงค่าคอมมิสชั่นสูง ๆ ที่จ่ายให้เอเจนท์เหล่านี้สักที คุณรู้ไหมว่า ปริมาณการเข้าถึงเว็บไซต์มากกว่าหนึ่งในสามของโรงแรมชั้นนำ นั้นมาจากเครื่องมือค้นหา คุณสามารถเพิ่มยอดจองตรง ผ่านเว็บไซต์ของคุณด้วยกลยุทธ์ SEO โรงแรม ที่ได้รับการปรับปรุง ถึงอย่างนั้นก็ตาม องค์ประกอบ SEO ล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะ Google เปลี่ยนอัลกอริทึมอยู่ตลอด โดยมากกว่า 500 ครั้งในเวลาแค่ปีเดียว ดังนั้น ผู้ประกอบการโรงแรงในประเทศไทย ควรเห็นถึงความสำคัญส่วนนี้ด้วย โดยจะต้องปฏิบัติตามแนวทาง SEO ให้ดีที่สุด จนมั่นใจว่า ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงทำคู่มือเกี่ยวกับ SEO โรงแรม ให้กับผู้ประกอบการโรงแรม และจึงเป็นสาเหตุที่เราให้บริการ SEO ที่กำหนดเองสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมการบริการ
อุตสาหกรรมโรงแรมและกูเกิ้ล
ตลาดโรงแรมมีการแข่งขันกันอย่างเหลือเชื่อและเห็นแก่ตัว ในเกมแข่งขัน มักมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่ พยายามคุกคามส่วนแบ่งการตลาดของคุณ เมื่อ Airbnb ที่ทุ่มเทในการทำ SEO ออนไลน์ ได้ก้าวเข้ามาในสายงานประเภทห้องพัก ทำให้โรงแรมเก่า ๆ ต่างรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง นี่ยังไม่ได้เอ่ยถึงเว็บไซต์ท่องเที่ยว ที่เสนอการเปรียบเทียบราคาที่พัก ที่มีมานานกว่าทศวรรษ ดูเหมือนว่า แผนการเพิ่มการจองตรงของคุณ จะสูญเปล่า แต่อย่างไรแล้ว Google ได้ทำการเปลี่ยนแปลงที่ เป็นประโยชน์ต่อคนโรงแรมเช่นคุณ ด้วยการปรับแบบการค้นหาโรงแรมจากเดสก์ท็อป และตามมาด้วยการค้นหาบนอุปกรณ์มือถือ
ในปัจจุบันนี้ การเพิ่มการจองเข้ามาโดยตรง สามารถทำได้ทันทีและดีที่สุด ทำไมต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับเว็บไซต์เปรียบเทียบราคานับพัน ๆ แห่ง ในเมื่อคุณก็สามารถทำธุรกรรมทั้งหมดเองได้ผ่านเว็บไซต์ของคุณ? คุณไม่ควรจ่าย เพราะมันไม่จำเป็นแล้ว หันมาเรียนรู้วิธีเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์โรงแรมให้กับ Google จากนั้นรอดูการจองที่เด้งเข้ามา
ทำความเข้าใจกับผู้จองของคุณ
เคยได้ยินเกี่ยวกับบุคลิกผู้ซื้อบ้างไหม? คำ ๆ นี้มีความสำคัญต่อการตลาดดิจิทัล และโดยเฉพาะการทำ SEO โรงแรม โดยพื้นฐานแล้ว Google ต้องการเพียงแค่ จะแชร์เนื้อหาที่ตรงเป้าหมายมากที่สุดให้กับผู้ใช้ ซึ่งหมายความว่า จะไม่แชร์เว็บไซต์โรงแรมสำหรับครอบครัว ให้กับผู้ค้นหาที่กำลังมองหาสถานที่ฮันนีมูนสุดแสนโรแมนติก คุณต้องเข้าใจดีว่า ลูกค้าของคุณมีบุคลิกอย่างไร และ ใครคือกลุ่มเป้าหมาย
ตัวอย่างเช่น โรงแรมของคุณ เป็นรีสอร์ทที่เหมาะแก่การพักผ่อนแบบครอบครัวไหม? หรือว่า คุณอนุญาตให้เข้าพักเฉพาะผู้ใหญ่ไหม? คุณมีข้อเสนอให้เช่าอพาร์ทเมนท์ แบบระยะยาว หรือ ช่วงหยุดยาว 1-2 สัปดาห์ไหม? โรงแรมของคุณรองรับนักธุรกิจ หรือสามารถจัดปาร์ตี้สละโสดได้ไหม? หรือ คุณเป็นโฮสเทลสำหรับแบ็คแพ็คเกอร์ไหม?
บุคลิกผู้จองขึ้นอยู่กับที่ตั้งที่พักของคุณ หากโรงแรมคุณอยู่ในลาสเวกัส บางทีอาจตั้งเป้าหมายกลุ่มชอบสังสรรค์และเล่นการพนัน แต่หากโรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสิ่งแวดล้อม/กลางแจ้ง คุณอาจตั้งเป้าหมายกลุ่มประชากรที่อายุยังน้อย ที่มีความคล่องตัวสูง
การทำความเข้าใจว่า ใครคือกลุ่มผู้จองเป้าหมายของคุณ จะช่วยให้คุณเริ่มพิจารณาให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้เป็นพิเศษ
สมมติว่า กลุ่มผู้จองเป้าหมายของคุณ เป็นกลุ่มที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง กลุ่มนี้น่าจะมองหาโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ พร้อมประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องได้สัมผัส บางทีพวกเขาอาจต้องการอาสาสมัครท้องถิ่นสักคน อยากใช้เวลาไปชมสัตว์ และเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น คุณต้องใช้คีย์เวิร์ดที่กลุ่มนี้น่าจะใช้ เมื่อค้นหาใน Google
การวิจัยคีย์เวิร์ดสำหรับผู้ทำธุรกิจโรงแรม
คีย์เวิร์ด เป็นคำค้นหาที่ผู้ค้นพิมพ์ใน Google เพื่อค้นหาตัวเลือกของพวกเขา สิ่งนี้เรียกว่า การค้นหาทั่วไป โดย Google จะหาคีย์เวิร์ดเหล่านั้น (และข้อมูลอื่น ๆ ที่ google รู้เกี่ยวกับผู้ใช้) ในหน้าเว็บไซต์ที่มีความเฉพาะเจาะจงสูงและน่าเชื่อถือ สาเหตุที่เจอ เพราะเว็บไซต์เหล่านี้ใช้งานง่าย น่าเชื่อถือ และมีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหานั้น
คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า คีย์เวิร์ดอะไรที่กลุ่มผู้จองเป้าหมายของคุณจะใช้ค้นหา?
ชัดเจนว่า คีย์เวิร์ดที่จะถูกใช้แน่ ๆ คือ “โรงแรม” + “สถานที่” ตัวอย่างเช่น “โรงแรมในกรุงเทพ” หากคุณอยู่ในเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพ การแข่งขันก็จะค่อนข้างสูงสำหรับการหาด้วยคีย์เวิร์ดดังกล่าว แต่ไม่เป็นไร นี่คือที่มาของคีย์เวิร์ดและกลยุทธ์ SEO จึงได้บังเกิดขึ้น เราใช้เครื่องมือวิจัยคีย์เวิร์ดเพื่อช่วยคุณกำหนดได้ว่า คีย์เวิร์ดใดเหมาะสำหรับโรงแรมของคุณ ดังนั้นข้างล่างนี้ คือเครื่องมือวิจัยคีย์เวิร์ดที่ดีที่สุดสำหรับผู้ทำธุรกิจโรงแรม:
- Google Keyword Planner
- SEMrush
- Keyword Explorer from Moz
- Ahrefs Keyword Explorer
โดยเริ่มจาก การป้อนคีย์เวิร์ดประเภทตำแหน่งที่ตั้ง (เช่น โรงแรมใน X) ในแถบเครื่องมือค้นหา จากนั้นจะเห็นรายชื่อคีย์เวิร์ดที่คล้ายกันรวมถึงระดับการแข่งขันของคีย์เวิร์ดแต่ละคำ โดยยังต้องดูปริมาณการค้นหาของคีย์เวิร์ดแต่ละคำ นั่นหมายถึง จำนวนผู้ใช้ที่ค้นหาคำนั้น ๆ ในเดือนที่ระบุ จากนั้นให้สร้างรายชื่อคีย์เวิร์ดเฉพาะ สำหรับตำแหน่งที่ตั้งและบุคลิกผู้จองโรงแรม โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่า คีย์เวิร์ดพวกนั้นเป็นกลุ่ม “คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง” ที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการค้นหาคีย์เวิร์ดอื่นที่เป็นไปได้ ในช่วงแรก ๆ ของการทำ SEO โรงแรม ควรกำหนดคีย์เวิร์ดแบบยาวเหยียด (มากกว่าหนึ่งคำ เช่น “โรงแรมที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเล็กในกรุงเทพ”) และคีย์เวิร์ดแบบสั้นกระชับ
การสร้างคอนเทนต์เฉพาะงานด้านการบริการ
เนื้อหาทุกอย่าง เช่น บทความในเว็บ บล็อกโพสต่าง ๆ และเนื้อหาในโซเชียล ล้วนต้องมีความเฉพาะเจาะจง ทั้งยังจำเป็นต้องกำหนดกลุ่มผู้จองเป้าหมายเฉพาะตามที่ต้องการ เพื่อให้สัมพันธ์กับ stage ที่กลุ่มเป้าหมายอยู่ใน sales funnel ส่วนตัวเนื้อหาสามารถจุดประกายความสนใจได้สูงสุดของกระบวนการขาย ด้วยการดึงผู้เข้าชมที่มีความสนใจและนำผู้ใช้ที่มีความสนใจมาก ๆ ไปยังหน้าการจองโดยตรง ดังนั้น เริ่มเขียนเนื้อหาใส่ในเว็บไซต์ของคุณกันเลย
เนื้อหาในเว็บไซต์คุณ ต้องน่าดึงดูดและชัดเจน หากสื่อสารโดยใช้คำไม่เยอะก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก ทำไมล่ะ? นั่นเพราะผู้ใช้ (ในทุกอุตสาหกรรม) เกลียดการเสียเวลา พวกเขาต้องการหาคำตอบหรือข้อมูลที่ต้องการภายในไม่กี่วินาที หากเว็บหน้าแรกของคุณเต็มไปด้วยเนื้อหา พวกเขาจะเลื่อนผ่านเนื้อหาเหล่านั้นไป ทางที่ดีควรใช้คำให้กระชับ ตรงประเด็นและชัดเจน จริง ๆ แล้วอย่าใส่เพียงแค่เนื้อหา การมีรูปภาพประกอบไปด้วยก็จะยิ่งดี แต่ต้องมั่นใจว่า รูปภาพที่ใส่ไปนั้นสามารถโหลดได้เร็ว ส่วนคีย์เวิร์ดหลักควรปรากฏในหน้าแรก แต่ไม่ควรมีมากจนเกินไป เมื่อใดที่คีย์เวิร์ดหลักของคุณถูกอัดมากเกินไป Google คิดว่า คุณกำลังพยายามลวงระบบ จากนั้นคุณจะถูกลงโทษเพราะ “การอัดคีย์เวิร์ดถี่เกินไป” และเว็บไซต์ของคุณจะถูกเลี่ยงไม่ให้ปรากฏต่อผู้ค้นหา ดังนั้นที่ดีที่สุด ควรใช้คีย์เวิร์ดหลักในชื่อเพจ, ในลิงก์ URL, ในชื่อรูปภาพและ คำอธิบายเมตะของหน้าแรก จากนั้นจึงค่อยกระจายคีย์เวิร์ดในเนื้อหาหน้าแรก
ต่อมา เว็บไซต์โรงแรมของคุณต้องพึ่งเนื้อหา ซึ่งอาจเป็นในรูปแบบของโพสต์บล็อก แต่ก็สามารถใส่เนื้อหาที่หน้าแพ็คเกจ หน้าสิ่งอำนวยความสะดวก หน้าสิ่งที่ต้องทำและอื่น ๆ บางทีคุณอาจมีเว็บหน้าเดียวที่ล้วนแสดงข้อมูลทั้งหมด หรือคุณอาจทำเป็นบล็อกโพสต์ในแต่ละหัวข้อก็ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด คุณต้องการให้เนื้อหาเป็นคำตอบให้กับคำถามที่ผู้เข้าชมอาจจะมี คุณต้องการให้เนื้อหาสร้างแรงบันดาลใจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผนการเดินทาง ที่บางครั้งพวกเขาอาจยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะไปที่ไหน ซึ่งเนื้อหาเว็บไซต์สามารถโน้มน้าวพวกเขาได้
เมื่อกำลังค้นหาโรงแรม คนเราต้องการจะรู้อะไร? สิ่งที่พวกเขาต้องการรู้คือ:
- ลักษณะห้องพักและมีอะไรให้บ้าง
- สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม เช่น ศูนย์ออกกำลังกาย ชั้นเรียนต่าง ๆ สระว่ายน้ำ และอื่น ๆ
- บริการนำเที่ยวของโรงแรม (และ คำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการจอง หากว่าไม่มีปรากฏข้อมูลบนหน้าเว็บโดยตรง)
- ตัวเลือกการรับประทานอาหาร
- สถานที่ที่น่าสนใจบริเวณใกล้เคียงและสถานที่ท่องเที่ยว
คุณอาจต้องการสร้างหมวดหัวข้อบล็อก เพื่อเป็นการโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวหรือกิจกรรมในจังหวัดของคุณ โดยสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมเหล่านี้ จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดของคุณมากขึ้น
เนื้อหาในบล็อก คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ได้กระจายคีย์เวิร์ดที่คุณกำหนดลงไปด้วย ย้ำอีกครั้งว่า อย่าอัดคีย์เวิร์ดจนดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่ควรต้องกระจายให้กลมกลืนในเนื้อ โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนมากเห็นพ้องกันเรื่องตำแหน่งสำหรับใส่คีย์เวิร์ด ซึ่งมีต่อไปนี้: ในไตเติ้ลหน้าเว็บ, URL, ในแท็ก H1 หน้าแรกของคุณ และภายในเนื้อหา 100 คำแรกของแต่ละหน้าเว็บของคุณ
ทางที่ดีที่สุด ควรหลีกเลี่ยงการเขียนบล็อกที่เป็นข้อความยาว ๆ ให้จำไว้ว่า ผู้ใช้ไม่ต้องการอ่านทุกบรรทัดบนเว็บ พวกเขาเพียงต้องการเปิดดู สแกนและค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ควรทำให้เนื้อหาง่ายต่อการสแกน มีรูปภาพประกอบและกระจายคีย์เวิร์ดให้กลมกลืนในเนื้อหา
ออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะสม
การมีคีย์เวิร์ดที่ดีและเนื้อหาอันน่าหลงใหล ยังไม่พอที่จะเอาใจ Google คุณต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า โครงสร้างเว็บไซต์คุณใช้งานง่ายและเชื่อถือได้ ซึ่งมันหมายถึงอะไร? มันหมายถึงการมุ่งเน้นในเรื่องต่อไปนี้:
- ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
- ความเร็วในการโหลดภาพ
- การนำทางเว็บไซต์
- ปุ่มเรียกร้องให้ดำเนินการ
เริ่มต้นด้วยการทดสอบความเร็วเว็บไซต์คุณด้วยเครื่องมือฟรี เช่น Page Speed Insight ของ Google โดยเครื่องมือจะให้คะแนน รวมถึงบอกวิธีการต่าง ๆ ในการปรับปรุงความเร็วเว็บ ซึ่งอาจรวมไปจนถึงการใช้ framework ไซต์ที่ไวขึ้น การรวมไฟล์บางส่วนของคุณ การใช้ caching plugin และการลดจำนวนการเปลี่ยนเส้นทาง หากไม่คุ้นเคยกับฟังก์ชั่นเหล่านี้ แนะนำให้ปรึกษาทีมออกแบบเว็บมืออาชีพ เพราะมีทีมที่สามารถดูแลทุกความต้องการในการเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบเว็บไซต์ของคุณ
อีกเรื่องหนึ่งของการออกแบบเว็บไซต์ SEO โรงแรม คือการเรียกร้องให้ดำเนินการ (call to action) ซึ่งเป็นปุ่มต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับเนื้อหาเพื่อให้ผู้ใช้ดำเนินการบางอย่าง ตัวอย่างเช่น การสมัครรับจดหมายข่าว การส่งเสริมการขาย หรือ เพียงแค่เลือกจองห้องพัก คุณต้องใส่ปุ่ม CTA ไว้ในหน้าเนื้อหาแต่ละหัวข้อ เช่น ในหน้าแรกควรมีปุ่ม “จอง” ให้เห็นชัดเจน เนื่องจากสายตามักจะมองไปทางมุมขวาบนของหน้าจอ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะที่สุดสำหรับวางปุ่ม “จอง” เมื่อผู้ใช้เลื่อนหน้าลงมา ลองหาวิธีในการปรับแต่งคำพูดในเนื้อหาที่ปรากฏในหน้านั้น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของผู้ใช้
ความสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพบนมือถือ
การที่คิดว่า ออกแบบเว็บไซต์เฉพาะการใช้งานบน desktop ก็พอแล้ว เราต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่จะเห็นต่างจากความคิดคุณ ทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวต่างอยากที่จะวางแผนการเดินทางแบบเดียวกับที่ทำจากคอมพิวเตอร์ ให้ทำได้บนอุปกรณ์มือถือ ความจริงคือ ร้อยละ 94 ของนักท่องเที่ยวต้องสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ เมื่อต้องวางแผนและจองการเดินทาง และ ร้อยละ 53 ของนักธุรกิจต้องโทรจองการเดินทาง บังเอิญว่า ผู้จองเป้าหมายของคุณต่างกำลังใช้สมาร์ทโฟนแทนทุกสิ่งอย่าง นั่นหมายความว่า เว็บไซต์โรงแรมของคุณต้องได้รับการปรับให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อให้บริการผู้ใช้เหล่านี้
วิธีทำให้เว็บไซต์คุณเป็นมิตรกับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ขั้นแรก ทำการทดสอบเว็บไซต์ว่าเป็นมิตรกับอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือไม่ ด้วยเครื่องมือทดสอบฟรีออนไลน์ โดย Mobile Friendly Test ของ Google เป็นวิธีที่ง่ายเพื่อดูว่า เว็บไซต์ของคุณเป็นมิตรกับผู้ใช้มือถืออย่างไร การทดสอบจะบอกว่า เว็บไซต์ของคุณเป็นมิตรกับมือถือหรือไม่ จากนั้นจึงจะแจ้งให้ทราบวิธีการปรับเปลี่ยน คุณอาจต้องใช้ขนาดตัวอักษรที่ใหญ่ขึ้น บีบอัดรูปภาพ สร้างปุ่มที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มความเร็วในการโหลด เป็นต้น
คุณสามารถปรับให้เหมาะสำหรับมือถือได้จากการใช้ การออกแบบเว็บที่ตอบสนองทุกอุปกรณ์ซึ่งหมายความว่า เว็บไซต์ของคุณจะปรับตามหน้าจอโดยอัตโนมัติ เว็บไซต์ที่เปิดบน desktop มักจะออกแบบในแนวนอน ในขณะที่อุปกรณ์มือถือจะเป็นในแนวตั้ง นั่นหมายความว่า เลย์เอาต์และคุณสมบัติที่จำเป็นต้องถูกปรับจาก แนวนอนเป็นแนวตั้งให้ได้อย่างราบรื่น
จำไว้ว่า การมีเว็บไซต์ที่ปรับให้เหมาะใช้งานบนมือถือ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น โดย SEO โรงแรมจะนำไปสู่ผู้เข้าชมที่มากขึ้นโดยตรงและหวังว่า จะมีการจองเพิ่มขึ้น
เน้นทำ Local Citation
ลองนึกถึงพื้นที่ที่ล้วนกล่าวถึงโรงแรมของคุณบนอินเทอร์เน็ต มันเริ่มจากเว็บไซต์คุณ แล้วตามด้วยการสร้างโปรไฟล์ Google My Business จากนั้นเป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบราคา และ บล็อกที่พูดคุยเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ในแต่ละพื้นส่วนเหล่านี้ คุณต้องแน่ใจว่า ข้อมูลนั้นถูกต้องและสอดคล้องกันนั่นหมายถึง การสะกดชื่อโรงแรมได้อย่างถูกต้อง ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ถูกต้อง และการเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ปัจจุบันของคุณ ทั้งนี้ คุณจำเป็นต้องลบรายชื่อธุรกิจที่ซ้ำกันในไดเรกทอรีออกด้วย เมื่อการอ้างอิงของคุณไม่ถูกต้อง ระบบจะแจ้งให้ Google ทราบว่า เว็บไซต์ของคุณอาจไม่น่าเชื่อถือ
การพูดถึง Google My Business Listing นับเป็นการกล่าวถึงที่สำคัญมากในการเพิ่มประสิทธิภาพ ธุรกิจของคุณขึ้นอยู่กับลูกค้าในพื้นที่และผู้เยี่ยมชมในจังหวัดของคุณ นั่นหมายความว่า ทั้งที่อยู่และข้อมูลติดต่อมีความสำคัญอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ารายชื่อของคุณที่ปรากฏใน Google Maps นั้นถูกต้อง โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่ค้นหาบน Google ด้วยคำว่า “โรงแรมในกรุงเทพ” ที่ทาง Google จะแสดง Map Pack ของโรงแรมในกรุงเทพฯ ทั้งหมดที่อ้างสิทธิ์ในรายชื่อบน Google โดยควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณได้ข้อมูลที่นักท่องเที่ยวต้องการทราบเกี่ยวกับโรงแรมของคุณ เช่น สิ่งอำนวยความสะดวก ที่จอดรถ WIFI เป็นต้น
ติดตามการวัดผลและข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้
จะรู้ได้อย่างไรว่า การทำ SEO โรงแรมของคุณใช้งานได้ดี? คุณวิเคราะห์เมตริกและข้อมูลเชิงลึกของเว็บไซต์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นหมวดหมู่ของข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้และประสิทธิภาพของเว็บไซต์คุณ โดยการติดตามการวิเคราะห์นั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเมื่อใช้กลยุทธ์ SEO ใด ๆ
วิธีหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ คือเพียงใช้ Google Analytics เครื่องมือชั้นดีที่จะบอกว่า คุณได้รับปริมาณการเข้าใช้แบบออร์แกนิกเท่าไหร่ หน้าเว็บใดที่มีการคอนเวอร์ชันผู้เยี่ยมชมมากที่สุด ผู้เข้าชมมายังเว็บไซต์ของคุณจากที่ใหน และอีกมากมาย โดยข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มาในรูปแบบของรายงานที่จะบอกคุณว่า หน้าเว็บใดทำงานได้ไม่ดีนัก เพื่อให้คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นได้ คุณอาจคิดว่า Google ส่งผู้เยี่ยมชมส่วนใหญ่ไปยังเว็บไซต์คุณ แต่รายงานอาจแสดงให้เห็นว่า อันที่จริงแล้วคือ Instagram ที่ส่งผู้ใช้ให้คุณมากที่สุด นั่นหมายความว่า คุณต้องอาศัยกลยุทธ์การตลาดของ Instagram มากขึ้น
คุณในฐานะนักธุรกิจโรงแรม จำเป็นต้องรู้ว่าผู้ใช้บริการมาจากที่ไหน และ อะไรคือสิ่งที่พวกเขาสนใจ ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้บอกวิธีดำเนินการให้โรงแรมคุณเติบโต ดังนั้นทำการตรวจสอบในส่วนการวิเคราะห์ของคุณให้เป็นนิสัย อย่างน้อยเดือนละครั้ง
กลยุทธ์การสร้างลิงก์เชื่อมโยง
ทาง Google จะรู้ทันทีเมื่อมีเว็บไซต์อื่น ๆ เชื่อมโยงกับเว็บไซต์คุณ หากเว็บไซต์เหล่านี้น่าเชื่อถือและมีชื่อเสียง มันจะทำให้ชื่อเสียงเว็บไซต์คุณแข็งแกร่งขึ้น ประโยชน์จากตรงนี้ทำให้ Google รู้ว่าเว็บไซต์คุณมีค่าพอที่จะแสดงต่อผู้ใช้ ดังนั้น การสร้างเครือข่ายแบ็คลิงก์ ไปยังเว็บไซต์คุณ จึงเป็นส่วนสำคัญมากในส่วน SEO โรงแรม แต่คุณจะทำอย่างไรถึงจะเชื่อมโยงกับเว็บไซต์เหล่านี้ได้
อุตสาหกรรมโรงแรมมีความพิเศษที่ว่า บล็อกเกอร์นักเดินทางนับล้านจะใส่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์โรงแรมเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่นับว่า เป็นที่มาที่มีชื่อเสียง คุณจะต้องมุ่งเน้นไปที่การเชื่อมโยงจากแหล่งที่มีปริมาณการเข้าชมที่สูง มั่นคง และเป็นเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจรวมถึงบล็อกเกอร์และบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอิทธิพลต่อผู้ชมอย่างมาก โดยคุณสามารถทำแคมเปญประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งให้กับอินฟลูเอนเซอร์การท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม รวมทั้งมีแบ็คลิงก์รวมอยู่ด้วย
อีกวิธีหนึ่งในการรวบรวมแบ็คลิงก์ คือการสร้างเนื้อหาที่แชร์ได้บนโซเชียลมีเดีย ที่ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์คุณ ในขณะที่ผู้ติดตามของคุณแชร์เนื้อหา (อาจเป็นอินโฟกราฟิก) ผู้ติดตามของพวกเขาอาจคลิกที่เนื้อหาและเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณได้
สุดท้าย คุณสามารถใช้เกสท์โพสต์บนเว็บไซต์การให้การบริการที่ยอดนิยม ตัวอย่างเช่น Travel Blue Book หรือ USA Today Travel หากคุณเขียนบทความเชิงให้ข้อมูลและเกี่ยวข้องกับการเดินทาง คุณสามารถรวมแบ็คลิงค์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณได้
บทสรุป
คุณคิดว่าคู่มือ SEO โรงแรมนี้มีประโยชน์หรือไม่? ต้องการความช่วยเหลือด้านการปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์โรงแรมหรือไม่?
เรายินดีพร้อมให้บริการแก่คุณ!
ติดต่อเราวันนี้ เพื่อเพิ่มยอดจองโรงแรมโดยตรงมากขึ้น
ต้องการเป็นหนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จต่อไปของเราหรือไม่
ติดต่อเราวันนี้ เราจะช่วยให้แบรนด์ของคุณได้ผลลัพธ์พวกนี้และได้มากกว่านี้