ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในปี 2020 จะนำมาซึ่งความประหลาดใจ โอกาสและความท้าทายมากมายให้กับเรา
มันได้นำกระแสการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว และนั่นคือเหตุผลที่เราจะพูดคุยเกี่ยวกับเทรนด์ของ SEO 21 อย่าง เพื่อประกอบการพิจารณาในปี 2020 นี้เพราะมันจะสร้างผลกระทบค่อนข้างมาก
ในฐานะนัก SEO คุณมีหน้าที่ต้องอัปเดตข้อมูลในฟิลด์งานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลานี้ เพราะนั่นคือวิธีที่คุณจะรักษาความได้เปรียบเหนือคู่แข่งของคุณ แต่อย่างไรก็ตามเราทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณโดยสรุปทุกอย่างลงในบทความที่ตรงประเด็นนี้!
#1 – การค้นหาด้วยเสียงจะครอง SERPs:
คุณรู้ไหมว่า 50% ของการค้นหาทั้งหมดจะดำเนินการด้วยเสียงภายในปี 2020
ดังนั้นคุณสามารถคาดหวังได้ว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 2020 เมื่อเทียบกับปี 2019 และเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำให้เว็บไซต์ของคุณให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและมีประโยชน์นี้
เมื่อคุณคำนึงถึงการที่ Google มีแพลตฟอร์ม เช่น Google Home มันยิ่งสมเหตุสมผล เพราะพวกเขากำลังทำงานเพื่อขยายการค้นหาด้วยเสียง
หากคุณต้องการข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ลองดูต่อไปนี้:
- 46% ของผู้ใช้ที่ใช้การค้นหาด้วยเสียงมองหาธุรกิจในพื้นที่เป็นประจำทุกวัน
- 53% ของผู้ใช้ลำโพงอัจฉริยะใช้การค้นหาด้วยเสียงทุกวัน
- 58% ของผู้บริโภค ใช้การค้นหาด้วยเสียงเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจพื้นที่ในปีที่ผ่านมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจในพื้นที่ คุณจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณเพื่อค้นหาด้วยเสียงในปี 2020
หากคุณต้องการข้อเท็จจริงมากขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจในพื้นที่แล้ว ที่นี่มีหลักฐานเพิ่มเติมอีก:
- 41% ของผู้ใหญ่ทำการค้นหาด้วยเสียงอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน
- 22% ของผู้ใช้ลำโพงอัจฉริยะจะซื้อ ผลิตภัณฑ์/บริการโดยใช้อุปกรณ์ของตน
- ในเดือนมกราคม 2018 มีการค้นหาด้วยเสียงประมาณหนึ่งพันล้านครั้งต่อเดือนและจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
นี่น่าจะเพียงพอที่จะให้ความสนใจกับแนวโน้มที่กำลังเติบโต ซึ่งจะมีผลกระทบรุนแรงในปี 2020 และปูทางไปจนถึงปี 2021 ซึ่งความสนุกที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้น
วิธีเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ
ตอนนี้มาดูกันว่าคุณสามารถเตรียมเว็บไซต์ของคุณสำหรับเทรนด์นี้ได้อย่างไรและน่าประหลาดใจมันค่อนข้างง่าย
ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการค้นคว้าคำถามที่พบบ่อย ที่กลุ่มเป้าหมายของคุณถาม คุณสามารถใช้เครื่องมือ เช่น Answer the Public เพื่อรวบรวมข้อมูลนี้หรือคุณยังสามารถใช้ Google Auto Suggest เพื่อรับคำค้นหาให้ได้มากที่สุด
จากนั้นใช้ข้อมูลนี้เพื่อเขียนและเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อสร้างหน้า F.A.Q ในเว็บไซต์ของคุณหรืออาจเป็นส่วน F.A.Q สำหรับหน้าเว็บของเป้าหมายแต่ละหน้าของคุณ
อีกวิธีที่ยอดเยี่ยมในการใช้ประโยชน์จากการค้นหาด้วยเสียง คือ การตั้งค่าฐานความรู้ และทำให้การสนทนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยใช้คีย์เวิร์ดและวลีที่คุณพบระหว่างการวิจัย นอกจากนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการนำมาซึ่งปริมาณการเข้าใช้งาน และก็เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการมอบการดูแลให้ลูกค้าโดยไม่จำเป็นต้องมีตัวแทน
ทุกอย่างสรุปมาเพื่อตอบคำถาม ดังนั้นทำให้ง่ายและเริ่มทำทันที เพราะมันคุ้มค่าแน่นอน
#2 – การเพิ่มขึ้นของการสร้างดัชนีที่เน้นบนมือถือมาก่อน:
เพื่อให้ง่าย มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่า Google ได้ทำการย้ายเว็บไซต์ไปยังดัชนีมือถือมาก่อนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2018 และดังนั้นมันจะมีความสำคัญมากขึ้นในปี 2020
ด้วยการอัปเดตนี้ Google จะใช้เว็บไซต์เวอร์ชันมือถือของคุณ เพื่อประเมินว่าคุณควรอยู่ในระดับใด ซึ่งเห็นได้ชัดว่าทำไมคุณควรเริ่มใส่ใจกับสิ่งนี้และจะดีกว่าหากเริ่มใช้ในส่วนที่จำเป็นเพื่อได้ประโยชน์จากการจัดดัชนีที่เน้นมือถือมาก่อน
เป็นการเตือนว่าเว็บไซต์ของคุณต้องเป็นมิตรกับมือถือ และถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ดัชนีสำหรับมือถือ แต่เป็นวิธีที่ดีที่จะบอกว่าคุณควรปรับตัวหรือจะตายไป ซึ่งเราทุกคนรู้ว่า Google ทำงานอย่างไร ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะต้องพร้อมสำหรับมัน
วิธีเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ
ทุกอย่างสรุปลงมา เพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณเหมาะกับมือถือและตอบสนองทุกอุปกรณ์ มันเรียบง่ายแบบนี้ โดยนอกจากนี้คุณต้องแน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณโหลดเร็วและแน่นอนเปลี่ยนจาก HTTP เป็น HTTPS แล้ว
ท้ายที่สุดตรวจสอบให้แน่ใจว่า UX ของคุณนั้นสมบูรณ์แบบเพราะ Google จะใช้เว็บไซต์มือถือของคุณเพื่อกำหนดอันดับของคุณ จากนั้นคุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตรวจสอบทุกส่วน เพื่อให้คุณก้าวไปสู่จุดสูงสุดได้
#3 – การเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอ จะเป็นตัวเปลี่ยนเกม:
นอกจากการค้นหาด้วยเสียงแล้ว วิดีโอจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมอีกตัวในปี 2020 ดังนั้นคุณควรเริ่มปรับเนื้อหาวิดีโอในเว็บไซต์ของคุณให้ดีขึ้น เพราะจะช่วยให้คุณดึงดูดปริมาณการเข้าชมได้มากขึ้น
เราคาดหวังว่า Google จะเริ่มรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีอื่น แทนที่การรวบรวมข้อมูลข้อความที่อยู่รอบ ๆ วิดีโอ นี่จึงเป็นตัวเปลี่ยนเกม เนื่องจากหมายความว่า Google อาจวิเคราะห์เสียงและเนื้อหาในวิดีโอ เพื่อกำหนดว่าควรจัดอันดับแค่ไหน และในกรณีนี้ประโยชน์ที่จะได้จากการฝังมันไว้หน้าเว็บ
สิ่งนี้จะแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับผู้ที่จัดอันดับวิดีโอบน YouTube ใน Google เพราะนั่นหมายความว่าคุณสามารถทำงานได้มากขึ้นบนออนเพจ แทนที่จะพึ่งการใช้คำอธิบายวิดีโอและทำงานกับออฟเพจ ซึ่งนี่จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมตัวจริงเพราะมันจะเปิดโลกใหม่แห่งความเป็นไปได้
ดังที่คุณเห็นมีโอกาสใหม่ ๆ มากมายที่คุณสามารถทำกำไรได้ ดังนั้นคุณต้องเริ่มให้ความสนใจวิดีโอมากขึ้น มาดูกันว่าคุณจะเริ่มใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้อย่างไร
จะใช้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ได้อย่างไร?
หากคุณไม่มีช่อง YouTube แสดงว่าถึงเวลาที่ต้องทำแล้ว ลุยไปข้างหน้าและสร้างขึ้นมาหนึ่งช่อง เพราะวิธีนี้คุณสามารถจะบรรลุได้สองสิ่ง:
- ใช้เพื่อจัดอันดับใน YouTube และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ (เช่น Google และ Bing)
- คุณสามารถใช้มันเพื่อเพิ่มเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณและเพิ่มประสิทธิภาพบนหน้าเว็บของคุณ
คุณสามารถใช้การวิจัยคีย์เวิร์ดของคุณ เพื่อหาแนวคิดเกี่ยวกับเนื้อหาวิดีโอที่คุณสามารถสร้าง หรือบางทีคุณสามารถทำวิจัยอื่นเพื่อค้นหาคำค้นหา/คีย์เวิร์ดที่โปรดปรานในเนื้อหาวิดีโอใน SERP
หากคุณต้องการค้นหาคีย์เวิร์ดใน YouTube เพียงใช้แถบค้นหา เพื่อค้นหารายการคีย์เวิร์ด โดยเพียงพิมพ์วลีหรือคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ และคุณจะได้คำแนะนำที่น่าสนใจมากมาย
ส่วนที่ดีที่สุดเกี่ยวกับคำแนะนำเหล่านี้ คือ คุณสามารถเดิมพันได้ว่ามีคนกำลังค้นหาอยู่เพราะมีผู้ใช้ที่พิมพ์เพื่อค้นหาเนื้อหาวิดีโอที่พวกเขาต้องการเหมือนกัน ซึ่งมันไม่สามารถดีกว่านี้ได้แล้ว
เมื่อคุณมีความคิดที่ดีเกี่ยวกับประเภทของเนื้อหาที่คุณสามารถสร้างได้แล้ว ให้ลุยไปข้างหน้าและเริ่มลงมือทำมัน โดยในที่นี่คุณจะได้เคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอของคุณเพื่อการจัดอันดับที่ดีขึ้น:
- เพิ่มคำอธิบายวิดีโอให้มีความยาว โดยใช้คีย์เวิร์ดของคุณในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นคำแนะนำที่คุณได้รับจากการวิจัยของคุณ
- ใช้คีย์เวิร์ดเหล่านี้ในส่วนแท็กของคุณ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาของคุณน่ามีส่วนร่วม และทำให้ผู้ใช้อยู่ต่อไป ดังนั้นคุณสามารถมีอัตราการกลับมาดูวิดีโอที่ยอดเยี่ยม ซึ่งจะช่วยให้คุณได้อันดับที่สูงขึ้น
เริ่มทำงานกับวิดีโอของคุณตั้งแต่นี้เพราะมันจะได้ผลครั้งใหญ่!
#4 – การทำ SEO และเทคโนโลยี Blockchain จะมาพบกัน:
เทคโนโลยี Blockchain พร้อมกับ Bitcoin และเหรียญ alt จำนวนมากมายกลายเป็นที่นิยมมากในปีที่ผ่านมา และแม้จะมีตลาดขาลงในปัจจุบัน พวกเขาก็ยังคงอยู่
ซึ่งเทคโนโลยี Blockchain นั้นเกินกว่า cryptocurrencies และเราเห็นว่ามันส่งผลต่อเกม SEO ในปี 2020 และต่อจากนี้ เพราะจะช่วยให้ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ในการเพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใส
ทำได้อย่างไร?
มันจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาทำให้ผลการค้นหามีความโปร่งใสมากขึ้น โดยกำจัดเว็บไซต์ที่หลอกลวงซึ่งสามารถขโมยข้อมูลลับและข้อมูลทางการเงินจากผู้ใช้
มันจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการค้นหาแบบเสียค่าใช้จ่าย เพราะมันจะกำจัด click-scam ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลเพราะจากสถิติพบว่า 50% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตมาจากบอตซึ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการลงโฆษณา เพราะบอตเหล่านี้ไม่สร้างรายได้ใด ๆ
Blockchain จะกำจัดพวกเขา โดยการตรวจสอบว่าการคลิกนั้นเกิดขึ้นจริง โดยบุคคลที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับผู้โฆษณา ดังนั้นจึงทำให้แคมเปญการค้นหาที่จ่ายเงินของพวกเขาทำกำไรได้มากขึ้น
เทรนด์นี้ยังใหม่มาก แต่เนื่องจากเทคโนโลยี Blockchain ที่ให้ประโยชน์ ความนิยมมากขึ้น และเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป ทำให้เกิดความต้องการให้หน้าเว็บเพจเพิ่มเติมการใช้โค้ด blockchain เพื่อรับประกันความปลอดภัยออนไลน์ และเราจะเห็นเครื่องมือค้นหาที่ต้องการเว็บไซต์ที่ใช้ ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับที่ Google ทำกับ HTTPS
จะเตรียมตัวอย่างไร
เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของเทรนด์นี้ เนื่องจากเทคโนโลยี blockchain ยังใหม่มากสำหรับคนส่วนใหญ่ ดังนั้นสิ่งที่คุณทำได้ตอนนี้คือพร้อมที่จะทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นเมื่อ blockchain สำหรับการค้นหาพร้อมใช้งาน
#5 – UX จะมีความสำคัญมากกว่าเดิม:
ประสบการณ์ผู้ใช้มีความสำคัญมากขึ้นในแต่ละวัน และคุณสามารถคาดหวังให้มันมีความเกี่ยวข้องมากขึ้นในปี 2020 นี้ และดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเริ่มดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะมันสามารถช่วยให้คุณเพิ่มอันดับของคุณและรักษาอันดับไว้ได้ โดยสิ่งที่สำคัญจริง ๆ หากคุณต้องการมีธุรกิจที่ยั่งยืน
มันช่วยให้ Google ทราบจำนวนผู้ใช้ที่ชอบเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้นควรตรวจสอบว่าเหมาะสมกับการจัดอันดับหรือไม่
ท้ายที่สุดคุณควรปรับให้มันเหมาะสมสำหรับเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้ เพราะนั่นคือสิ่งที่สำคัญจริง ๆ หากคุณไม่สามารถทำให้ผู้ใช้ของคุณได้รับประสบการณ์ที่ดีแล้ว พวกเขาจะออกไปในไม่ช้า และนั่นจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าเว็บไซต์ของคุณไม่ได้ให้สิ่งที่ผู้ค้นหากำลังค้นหา และคุณสามารถเดิมพันได้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่ออันดับของคุณ .
วิธีเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ
ขั้นตอนแรกคือการตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณอย่างซื่อสัตย์และตรวจในสิ่งต่อไปนี้:
- โหลดเร็วพอหรือไม่
- มันใช้งานง่ายและใช้งานง่ายด้วยตนเองหรือไม่?
- เนื้อหาอ่านง่ายและตอบคำถามของผู้ใช้จริงหรือไม่?
- เว็บไซต์ของคุณรองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่และตอบสนองทุกอุปกรณ์ได้หรือไม่? (สำคัญยิ่งกับการเริ่มใช้ดัชนีบนมือถือเป็นอันดับแรก)
- การขอรับความช่วยเหลือหรือการดูแลลูกค้าเป็นเรื่องง่ายหรือไม่? (คุณสามารถรวมฐานความรู้และมีแชทสดได้)
ตอบคำถามเหล่านี้และทำตามคำตอบของคุณ โดยทำการแก้ไขที่จำเป็น เนื่องจากเป้าหมายของคุณคือมอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น และน่าพอใจให้กับผู้ใช้ของคุณ
#6 – ปัญญาประดิษฐ์กำลังเริ่มอาณาจักรของตนเอง:
อุตสาหกรรมจำนวนมากเริ่มใช้ AI และเครื่องมือค้นหาไม่ใช่ข้อยกเว้น
ดังที่เราจะเห็นต่อไปในบทความนี้ Google กำลังใช้การเรียนรู้ของเครื่องและ AI เพื่อทำให้ RankBrain มีประสิทธิภาพมากขึ้นและในส่วนนั้นเราได้นำขั้นตอนเฉพาะสำหรับการใช้ประโยชน์จากมัน
สิ่งที่เราคาดหวังได้จาก AI คือ ปัจจัยการจัดอันดับที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ด/ข้อความค้นหา และการปรับเปลี่ยนผลการค้นหาในแบบเฉพาะบุคคลโดยพิจารณาจากประวัติการค้นหา พฤติกรรมของลูกค้า สถานที่ตั้ง และตัวแปรอื่น ๆ
โดยรวมแล้วบทบาทหลักของมันคือการสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้แก่ผู้ค้นหา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้เมื่อใช้ Google ซึ่งก็คือเป้าหมายสุดท้ายของเครื่องมือค้นหาทุกตัว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่ออยู่ข้างหน้าของเทรนด์นี้คืออะไร?
วิธีการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์
มันเป็นเรื่องง่าย: โดยปรับเนื้อหาของคุณให้ตรงกับความต้องการในการค้นหาที่อยู่เบื้องหลังทุกคำค้นหาแล้วคุณจะทำได้ดีขึ้น แน่นอนคุณต้องปรับปัจจัยอื่น ๆ ให้เหมาะสมเพื่อมอบ UX ที่ยอดเยี่ยมซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในที่สุด
คิดเกี่ยวกับผู้ใช้ ส่งมอบสิ่งที่พวกเขาต้องการ และคุณจะเป็นผู้นำคู่แข่ง ด้วยความช่วยเหลือของเคล็ดลับที่คุณจะพบโพสต์นี้มันจะกลายเป็นเรื่องง่าย
#7 – การสร้างแบรนด์จะเป็นเรื่องในระยะยาว:
นักการตลาดส่วนใหญ่รู้เกี่ยวกับความสำคัญของการสร้างแบรนด์เพราะจะช่วยให้คุณแยกความแตกต่างจากการแข่งขัน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการเริ่มต้นและการเติบโตของธุรกิจที่ดีและสร้างผลกำไร
อย่างไรก็ตามการพูดในแง่ SEO การสร้างแบรนด์จะมีความสำคัญมากขึ้นในปี 2020 และที่นี่คุณจะมีคำอธิบายที่ครบถ้วน
ตามที่นักวิเคราะห์แนวโน้มของ Google Webmaster Trends โดย Gary Illyes กล่าวว่า Google ใช้การกล่าวถึงแบรนด์ในอัลกอริทึมการค้นหา เรามีข้อมูลนี้ตั้งแต่ปี 2017 และตั้งแต่เวลานั้นมันก็มีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจาก Google สามารถใช้การกล่าวถึงแบรนด์สินค้าที่ไม่ได้มีลิงก์เชื่อมโยงได้ เพื่อวัดสิทธิ์อำนาจคุณในสาขาของคุณ
ทำได้อย่างไร?
ด้วยการวิเคราะห์ความถี่และตำแหน่งที่แบรนด์ของคุณถูกกล่าวถึง (แม้จะไม่ได้เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์หรือทรัพย์สินของคุณ) Google ก็รู้ว่าแบรนด์ของคุณเป็นนิติบุคคล และยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง มันจะวัดสิทธิ์อำนาจของคุณซึ่งสามารถช่วยคุณในการจัดอันดับได้
ดังนั้นจึงเป็นเวลาที่จะเริ่มใช้ประโยชน์จากแนวโน้มนี้เพราะจะคุ้มค่าในปี 2020 และปีอื่น ๆ แน่นอน
จะใช้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ได้อย่างไร?
เราทุกคนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของแบ็คลิงก์ เพราะเป็นส่วนพื้นฐานของแคมเปญ SEO ใด ๆ อย่างไรก็ตามเมื่อคุณทราบเกี่ยวกับความสำคัญของการสร้างแบรนด์แล้ว คุณสามารถรวมการกล่าวถึงแบรนด์สินค้าที่ไม่ได้ลิงก์เชื่อมโยงเพื่อเพิ่มสิทธิอำนาจของคุณ
มันง่ายเมื่อใดก็ตามที่คุณมีโอกาสพูดถึงแบรนด์ของคุณให้คุณทำ เพราะมันจะช่วยคุณแม้ว่าคุณจะไม่มีลิงก์ก็ตาม
นอกจากนี้คุณยังสามารถวิเคราะห์แบรนด์ที่กล่าวถึงผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อทำความเข้าใจความนิยม การรับรู้ และชื่อเสียงของคุณ เพื่อให้คุณสามารถมีส่วนร่วมทั้งความคิดเห็นที่ดีและไม่ดี และนำคำตอบหรือความคิดเห็นมาใช้ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องติดต่อกับผู้ชมของคุณ
คุณควรคิดนอกกรอบ ตัวอย่างเช่นคุณสามารถใช้ผู้มีอิทธิพล – หรือดีกว่าหากเป็นผู้มีอิทธิพลขนาดไมโคร – เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณเพื่อเพิ่มความนิยมและการรับรู้ของคุณ ซึ่งเราได้เห็นแล้วว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตทางออนไลน์ของคุณได้
#8 – GDPR และการปกป้องข้อมูลผู้ใช้:
แม้ว่ากฎการป้องกันข้อมูลทั่วไปบังคับใช้กับลูกค้าและบริษัทใน EU แต่บริษัทของคุณก็ควรต้องปฏิบัติตามเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่ เช่น ค่าปรับ เพราะว่าสุดท้ายคุณเพียงรอไม่นานให้กฎระเบียบนี้จะขยายเกิน EU แน่นอน และมันกำลังจะมาแล้ว
กฎระเบียบนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของพวกเขาแทนที่จะเป็นบริษัท ซึ่งเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่สำหรับการให้พลังอำนาจกับส่วนบุคคล โดยตามแนวโน้มนี้ Google ได้ทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Google Analytics ทำให้ข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดจะหมดอายุหลังจาก 26 เดือนนับตั้งแต่ถูกรวบรวม
อย่างไรก็ตามในกรณีที่คุณไม่ต้องการให้ลบข้อมูลนี้ คุณสามารถเลือกตัวเลือก “ไม่หมดอายุอัตโนมัติ” แต่ต้องทราบว่า การทำเช่นนั้นคุณจะเป็นผู้รับผิดชอบในการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้เอง
ตอนนี้เป็นเวลาที่จะเห็นว่า คุณสามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณสอดคล้องกับ GDPR เพื่อช่วยตัวคุณเองจากปัญหาที่ไม่จำเป็น และ ใช่ มันยังใช้แม้คุณเป็นธุรกิจขนาดเล็ก มันมีผลกับพวกเราทุกคน
ทำอย่างไรกับ GDPR
นี่เป็นพื้นฐาน ถ้าคุณมีลูกค้าเป็นชาวยุโรปอยู่แล้วหรือถ้าคุณมีบริษัทใน EU
โดยขั้นตอนแรก คือ การอัปเดตหน้านโยบายความเป็นส่วนตัวของคุณ เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดของ GDPR
เมื่อคุณได้จัดการแล้ว คุณต้องแน่ใจว่าคุณไม่ได้มีการส่งข้อมูลส่วนตัวไปยัง Google Analytics เพื่อให้บรรลุผล คุณจะต้องตรวจสอบแหล่งที่มาทั้งหมดที่รวบรวมข้อมูลผู้ใช้ในเว็บไซต์ของคุณ
ตอนนี้เป็นเวลาที่จะพูดคุยเกี่ยวกับแบบฟอร์มยินยอมให้ใช้คุกกี้ คุณต้องอธิบายผู้ใช้ของคุณ – ต้องลงรายละเอียดให้มาก – ข้อมูลประเภทใดที่คุณจะรวบรวม, ทำไมคุณถึงทำเช่นนั้น, ที่ที่คุณจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว และรับประกันว่าข้อมูลดังกล่าวได้รับการปกป้องและจัดเก็บอย่างเหมาะสม
ทำตามคำแนะนำเหล่านี้และเว็บไซต์ของคุณจะสอดคล้องกับ GDPR
#9 – ความสำคัญของเจตนาการค้นหาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ:
ทำความเข้าใจผู้ชมของคุณและสิ่งที่พวกเขาต้องการค้นหา เมื่อพวกเขาค้นหาคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจง จะทำให้คุณได้เปรียบอย่างมากเหนือคู่แข่งของคุณ เพราะคุณจะสามารถตอบสนองและเกินความคาดหวังของผู้เยี่ยมชมได้
ดังนั้นคุณควรเริ่มค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ชมของคุณ และประเภทของเนื้อหาที่พวกเขาคาดหวังและส่งมอบให้เกินความคาดหวัง ก่อนอื่นคุณต้องทำให้ได้ตามมาตรฐานในสาขาของคุณ แล้วจึงเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้ของคุณพึงพอใจและแบ่งปันสัญญาณนั้นกับ Google ซึ่งจะให้รางวัลแก่คุณในการจัดอันดับที่ดีขึ้น
โดยการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค คุณจะสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณได้อันดับที่สูงขึ้นและหากคุณใช้เคล็ดลับจากบทความนี้คุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แสดงใน Featued Snippets เพิ่มอัตรา CTR และรับการจัดอันดับสำหรับคำค้นหาด้วยเสียง
วิธีการใช้สิ่งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ?
ตอนนี้เป็นเวลาที่จะเรียนรู้วิธีที่คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้ในขั้นตอนที่ง่ายและดำเนินการได้
หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการค้นหาคีย์เวิร์ดเฉพาะ สิ่งที่คุณต้องทำคือค้นหาใน Google และวิเคราะห์ผลลัพธ์ยอดนิยม
สมมติว่าผู้ใช้พิมพ์ “กระดานโต้คลื่นที่เสียหาย” ซึ่งสามารถตีความได้หลายอย่าง:
- พวกเขาอาจต้องการเรียนรู้วิธีซ่อมแซมกระดานโต้คลื่น
- พวกเขาอาจต้องการซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับซ่อมกระดานโต้คลื่น
- พวกเขาอาจต้องการซื้อกระดานโต้คลื่นที่เสียหายเพื่อซ่อมแซมด้วยตนเอง (เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกกว่า)
- พวกเขาอาจต้องการจ้างบริษัทเพื่อซ่อม
- พวกเขาอาจต้องการซื้อกระดานโต้คลื่นใหม่เพื่อแทนที่กระดานที่เสียหาย
งานของคุณที่นี่คือการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นใน Google และกำหนดจุดประสงค์ในการค้นหาโดยดูจากผลการค้นหาอันดับต้น ๆ ในปัจจุบัน
หากผลการค้นหา 5 อันดับแรก เป็นเว็บไซต์ที่ขายกระดานโต้คลื่นที่ใช้แล้ว/เสียหาย คุณสามารถระบุได้ว่าจุดประสงค์หลักคือ “ฉันต้องการซื้อกระดานโต้คลื่นมือสอง” ดังนั้นคุณควรยึดติดกับมัน เพราะการพยายามจัดอันดับด้วยความตั้งใจที่แตกต่างกันจะยากมาก แม้จะไม่เป็นไปไม่ได้ก็ตาม
มันง่ายกว่าที่จะไหลไปตามกระแสแทนที่จะต่อสู้กับมัน และนี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพูดถึง SEO
ดังนั้นทำตามเคล็ดลับง่าย ๆ นี้ ค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ชมของคุณ สร้างเนื้อหาประเภทที่พวกเขากำลังมองหา ทำให้เกินความคาดหวังของพวกเขาและคุณจะได้รับชัยชนะในที่สุด
#10 – ให้ความสำคัญกับการจัดทำดัชนีในโซเชียลมีเดีย:
Google เริ่มทำดัชนีเนื้อหาเพิ่มเติมจากเครือข่ายโซเชียลมีเดีย ดังนั้นคุณต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้โดยการใช้งานให้มากขึ้น
ลองใช้ YouTube มาเป็นตัวอย่างกัน โดยเป็นเว็บไซต์โซเชียลมีเดียที่ผู้ใช้สามารถค้นหาวิดีโอโปรดของพวกเขา คุณสามารถถูกจัดอันดับภายในเว็บไซต์เดียวกันนี้ หรือจัดอันดับวิดีโอของคุณภายใน Google ได้
เราได้พูดคุยกันแล้วเกี่ยวกับความสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอในปี 2020 และนี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกมการตลาดวิดีโอของคุณนั้นดีขึ้น แน่นอนว่ามันใช้กับช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ได้ เช่น Facebook, Twitter และ LinkedIn
หมายเหตุสำคัญ คือ คุณต้องใส่ใจกับการค้นหาเนื้อหาในเว็บไซต์ตัวมันเองด้วย คุณสามารถเดิมพันได้เลยว่าเราจะเห็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับวิธีเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาสำหรับการจัดอันดับที่สูงขึ้นใน Facebook, Pinterest, SoundCloud และอื่น ๆ
ซึ่งเราได้เห็นแล้วใน YouTube และมันเป็นเพียงเรื่องของเวลา ก่อนที่มันจะแพร่กระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ
จะทำอย่างไร?
คุณควรเริ่มสร้างเนื้อหาเพิ่มเติมสำหรับโซเชียลมีเดีย กำหนดเป้าหมายไปที่เว็บไซต์โซเชียลมีเดีย ที่มีผู้ชมของคุณได้ใช้มากที่สุด และเริ่มสร้างเนื้อหาสำหรับพวกเขา
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้ YouTube แต่คุณก็สามารถใช้ Pinterest, SoundCloud และอื่น ๆ ได้ด้วย เพียงคุณต้องคิดนอกกรอบ และเริ่มสร้างเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมที่ผู้ชมของคุณจะชอบและแบ่งปัน
นอกจากนี้คุณสามารถใช้สิ่งเหล่านี้ เพื่อเพิ่มความพยายามในการสร้างแบรนด์ของคุณ เพราะอย่างที่เราได้เห็นมันจะช่วยให้คุณไปได้ไกลในปี 2020 เริ่มทำงานเพื่อเพิ่มความนิยมของคุณในโซเชียลมีเดีย เพื่อให้คุณได้รับการกล่าวถึงแบรนด์มากขึ้น เพราะจะช่วยให้คุณได้เพิ่มอันดับในเครื่องมือค้นหาของคุณ
#11 – การปรับแต่งการเพิ่มประสิทธิภาพ CTR นั้นคุ้มค่า:
เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะเริ่มให้ความสนใจกับ CTR ของคุณ เนื่องจาก RankBrain มีประสิทธิภาพมากขึ้น (อย่างที่เราจะเห็นในไม่ช้า) และการใช้ CTR ในการวัดความเกี่ยวข้องของเนื้อหาของคุณในคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจง
กล่าวโดยย่อ หากผู้ใช้ไม่คลิกลิงก์ของคุณเลยใน SERPs คุณสามารถคาดหวังได้เลยว่าจะอยู่ในอันดับที่ตกลงแน่นอน
นี่เป็นการอภิปรายที่เก่ามาก ว่า CTR มีผลต่อการจัดอันดับหรือไม่ แต่เราสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่ามันมีอิทธิพล และในปี 2020 และต่อ ๆ ไป เราก็คาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องมากขึ้นอีก
มันสำคัญมากขึ้น หากคุณติดค้างในอันดับและดูเหมือนว่าอันดับเว็บไซต์ของคุณจะไม่เคลื่อนไหวเลย แม้จะมีความพยายามทั้งหมดของคุณ (เมื่อคุณได้จัดอันดับในหน้าที่หนึ่งแล้ว) เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพ CTR จะสามารถทำให้คุณขยับและทำให้หลุดจากที่คุณติดอยู่ได้
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่า มันเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงอัตราการคลิกผ่านของคุณ แล้วคุณควรจะทำอย่างไร โดยด้านล่างนี้คุณจะพบกับขั้นตอนที่ดำเนินการได้ง่ายเพื่อที่จะเพิ่มค่า CTR และชนะในเกม SEO ของคุณ!
วิธีเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ
ก่อนอื่นคุณต้องดูแลไตเติ้ลที่คุณใช้สำหรับหน้าเว็บของคุณ แน่นอนว่าคุณจะต้องรวมคีย์เวิร์ดของคุณไว้ด้วย แต่ถ้าคุณต้องการดึงดูดผู้เข้าชมให้มากขึ้น คุณต้องทำมากกว่านั้นและใช้คำแนะนำเหล่านี้:
- ทำให้ชื่อเรื่องของคุณมีอารมณ์ดึงดูดความรู้สึกของผู้ชมและ CTR ของคุณจะเพิ่มขึ้น
- สร้างรายการที่มีตัวเลขอยู่ด้วยแทนข้อความธรรมดา
อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการเพิ่มผลลัพธ์ให้ได้มากที่สุด คุณต้องคิดนอกกรอบ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะเราได้จัดทำรูปแบบการขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่คุณสามารถนำไปใช้กับไตเติ้ลที่คุณต้องการได้:
รูปแบบ + ตะขอเกี่ยวอารมณ์ + ประเภทเนื้อหา + หัวข้อของคุณ
ที่นี่คุณมีไตเติ้ลบางส่วนที่ใช้เทมเพลตนี้:
- 5 กลยุทธ์ Adwords ที่เหลือเชื่อสำหรับการเพิ่มการคอนเวอร์ชันของคุณ
- 10 สุดยอดเคล็ดลับสำหรับการลดไขมันในร่างกายให้ต่ำกว่า 10%
- 3 ขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเพิ่ม Deadlift ของคุณ 60 ปอนด์ (ทันที!)
- 5 เคล็ดลับที่ไม่น่าจะทำได้ สำหรับการกู้คืนการแต่งงานที่ล้มเหลวของคุณ
คุณน่าจะได้รับไอเดียแล้ว
ตอนนี้เมื่อคุณได้ไตเติ้ลแล้ว คุณต้องดูคำอธิบายเมต้าของคุณ และมันค่อนข้างง่าย แม้ว่าเราจะขอแนะนำให้คุณได้ทดสอบในเวอร์ชันต่าง ๆ และเปรียบเทียบผลลัพธ์:
- เน้นเป็นการพูดคุยกับผู้เยี่ยมชมของคุณ ทำให้เป็นบทสนทนามากกว่าจะเน้นในเรื่องของ SEO
- ใช้คำที่จะดึงดูดความสนใจของพวกเขา: ความลับ พรีเมี่ยม พิเศษ สุดยอดความลับ ทันที ง่าย พิสูจน์แล้ว น่าอัศจรรย์ ฯลฯ
- เชิญพวกเขาให้คลิกลิงค์ของคุณ: คลิกที่นี่ในตอนนี้ เรียนรู้เพิ่มเติม และอื่น ๆ จงใช้ CTA
ท้ายสุดคุณควรดูแล URL ของคุณด้วย ทำให้มันดูสะอาดและดูเป็นคำอธิบาย เพราะจะทำให้เว็บไซต์ของคุณดูเป็นมืออาชีพและให้ข้อมูลมากกว่าที่คุณใช้ URL ที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติหรือไม่มีการจัดระเบียบ เพราะการรับรู้ได้คือทุกสิ่ง
#12 – เนื้อหารูปแบบยาวทั้งหมดจะเปล่งแสง:
ปี 2020 เป็นปีที่เนื้อหายาวจะเปล่งแสงที่สว่างที่สุด และคุณควรเข้าร่วมรถไฟขบวนนี้โดยเร็วที่สุด
จากการใช้ประโยชน์จากการอัปเดตที่สำคัญทั้งหมดที่ SEO จะได้รับในปีนี้ คุณต้องพัฒนาเนื้อหาแบบยาวที่เหมาะกับจุดประสงค์ในการค้นหาของผู้ชมของคุณ
ด้วยความช่วยเหลือของเนื้อหาแบบยาว คุณสามารถกำหนดเป้าหมายด้วยคำถามมากมาย และนั้นทำให้เพิ่มโอกาสในการได้เป็น Feature Snippets ได้เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณสำหรับการค้นหาด้วยเสียง ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) และ ใช้ประโยชน์จากเนื้อหาวิดีโอ เป็นต้น
แน่นอนคุณต้องจัดโครงสร้างเนื้อหาของคุณให้เหมาะสม ด้วยความช่วยเหลือจากการใช้หัวข้อ ลิสต์รายการและตาราง นอกจากนี้คุณยังต้องค้นคว้าเจตนาของการค้นหาที่อยู่เบื้องหลังคีย์เวิร์ดทุกคำ และทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผู้ชมของคุณต้องการและปรับปรุงโดยยึดตามนั้น ทำให้เหนือกว่าคาดหวังแล้วคุณจะได้รับรางวัล
วิธีการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้
สิ่งที่คุณต้องทำ คือ ทำตามคำแนะนำที่เราให้ไว้ในหน้าเว็บนี้ ในส่วนต่าง ๆ เพราะถ้าคุณทำ คุณจะได้เนื้อหาที่ตรงตามความคาดหวังของ Google และผู้ใช้ของคุณ
#13 – RankBrain จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น:
ทุกคนกำลังพูดถึง RankBrain และมันจะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้นในปี 2020 เพราะมันมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมันจะส่งผลต่อวิธีการทำ SEO ของเรา
มันปรากฏตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2015 และเกือบ 4 ปีต่อมา เราสามารถคาดหวังถึงการปลดปล่อยพลังที่มากขึ้น และได้รับความสำคัญมากขึ้นในอัลกอริทึมการค้นหาด้วยพลังของการเรียนรู้ของเครื่องและปัญญาประดิษฐ์ (AI)
มันใช้การเรียนรู้ของเครื่องเพื่อวิเคราะห์และทำความเข้าใจในเนื้อหาที่ได้รวบรวมข้อมูลมา ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับ Google ในการทำความเข้าใจจุดประสงค์การค้นหาที่อยู่ในเบื้องหลังของคีย์เวิร์ดและประมวลผลผลลัพธ์อย่างถูกต้อง
มันใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อใช้ข้อมูลที่ได้จากการเรียนรู้ของเครื่อง มาปรับปรุงผลลัพธ์ที่แสดงให้กับผู้ใช้และในหลาย ๆ กรณี ทำให้เป็นผลลัพธ์เฉพาะบุคคลได้
มันได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2015 เนื่องจาก RankBrain สามารถเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น ดังนั้นจึงเข้าใจเราได้ดีขึ้น มันสามารถทำการแยกแยะปัจจัยของมนุษย์ และนั่นคือสาเหตุที่สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนได้
คุณสามารถทำอะไรกับมันได้บ้าง
หากคุณทำตามคำแนะนำที่เราให้ไว้ในบทความนี้ เช่น การปรับปรุงความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ของคุณ การสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์ที่ตอบคำถาม เพิ่มประสิทธิภาพหน้าเว็บของคุณเพื่อ CTR ที่ดีขึ้น ทำให้เว็บไซต์ของคุณใช้ได้กับมือถือและตอบสนองทุกอุปกรณ์ และใช้เนื้อหาแบบยาวแล้ว คุณสามารถมั่นใจได้ว่าคุณจะจัดการได้แม้ว่าเป็น RankBrain
ในทางตรงกันข้ามมันจะเป็นประโยชน์กับคุณ เพราะถ้าคุณทำให้ผู้ใช้ตกหลุมรักเนื้อหาของคุณ โดยการพบปะและเกินความคาดหวังของพวกเขา คุณจะได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น RankBrain จะช่วยคุณ
นำประสบการณ์ผู้ใช้ที่เหนือกว่าและ RankBrain จะเป็นพันธมิตรของคุณ
#14 – ทำไมคุณต้องปรับปรุง EAT Scores – ความเชี่ยวชาญ อำนาจและความน่าเชื่อถือ:
แนวโน้มของปีนี้ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเว็บไซต์และเนื้อหาเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ EAT Scores จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญของ SEO เช่นกัน
นั่นคือเหตุผลที่คุณต้องปรับปรุงพวกเขาเพราะโดยการทำเช่นนั้นคุณจะปรับปรุงการจัดอันดับของคุณ ไม่ว่าจะเป็นสำหรับโครงการของคุณเอง หรือลูกค้าของคุณ
มาดูรายละเอียดเกี่ยวกับความหมายของ EAT:
- E สำหรับความเชี่ยวชาญ: ตามที่แนะนำอย่างชัดเจนคุณต้องแสดงให้ Google เห็นว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาของคุณ วิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ว่าเป็นเนื้อหาที่มีประโยชน์ที่ผู้ใช้ต้องการและแบ่งปัน ปัจจัยนี้มีความสำคัญหากคุณอยู่ในช่องทางการแพทย์หรือทางกฎหมายที่ผู้ใช้กำลังมองหาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ
- A สำหรับสิทธิอำนาจ: คุณต้องพิสูจน์กับ Google ว่าคุณมีสิทธิอำนาจในนิชของคุณ อีกครั้งที่คุณภาพของเนื้อหาของคุณจะมีบทบาทอย่างมาก พร้อมกับอิทธิพลของคุณซึ่งสามารถวัดได้ในจำนวนสัญญาณสังคมการกล่าวถึงแบรนด์และปัจจัยอื่น ๆ
- T สำหรับความน่าเชื่อถือ: คุณต้องพิสูจน์กับ Google และผู้ใช้ว่าพวกเขาสามารถเชื่อถือเนื้อหาของคุณได้ คุณต้องทำให้ผู้ใช้ของคุณได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและทำให้มันปลอดภัย ดังนั้นคุณต้องมั่นใจในความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณและเพิ่มองค์ประกอบพื้นฐาน เช่น ใบรับรอง SSL
ตอนนี้…คุณจะปรับปรุงคะแนน EAT ของคุณได้อย่างไร? ค้นพบมันด้านล่าง:
วิธีการปรับปรุงคะแนน EAT ของคุณเพื่อการจัดอันดับที่ดีขึ้น?
ประการแรก ดูแลแบรนด์ของคุณ ดังที่เราได้เห็นแล้วมันจะคุ้มค่าการจ่าย และจะช่วยให้คุณปรับปรุงคะแนน EAT ของคุณเพราะจะทำให้ Google เห็นว่าคุณเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงในสาขาของคุณ แล้วคุณจะเหนือกว่าบริษัทอื่นในนิชของคุณ รับประกัน
ประการที่สอง ทำให้เว็บไซต์ของคุณเหมือนมีเกราะกันกระสุน ที่แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดการโจมตีทางไซเบอร์ได้ทั้งหมด แต่คุณต้องมั่นใจในความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณ เราได้พูดถึงหัวข้อนี้ในบทความนี้ด้วย
ประการที่สาม ให้มีชื่อผู้แต่งสำหรับเนื้อหาทุกส่วน นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มประวัติเพื่อให้ Google และผู้ใช้เห็นว่าใครกำลังเขียนเนื้อหา และหากผู้เขียนเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นจริง ๆ อย่าอายที่จะบอกกล่าว!
สุดท้ายให้แน่ใจว่าคุณทำการวิจัยผู้ชมและสาขาของคุณเป็นอย่างดี เพื่อให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมที่จะช่วยลูกค้าของคุณได้อย่างแท้จริง ด้วยเคล็ดลับที่คุณจะพบได้ในทุกส่วนของบทความนี้ ทำให้คุณจะมีเงินมากเกินพอสำหรับค่าใช้จ่ายในด้าน SEO ในปี 2020 นี้
#15 – เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณสำหรับ Featured Snippets :
ในหลายโอกาสที่คุณได้เห็นว่าคุณสมบัติ Feature Snippets ได้กลายเป็นที่นิยม และแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2021 และมันก็ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงที่จะอ้างว่าพวกเขาจะครอง SERPs ในปีนี้และปือื่น ๆ
ดังนั้นคุณต้องเลือกที่จะปรับตัวหรือเลือกที่จะตาย มันง่าย ๆ เพียงนั้น
นัก SEO ส่วนใหญ่อย่างเรารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะว่าถ้าคุณทำการวิจัยคีย์เวิร์ดทุกประเภท เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สะดุดกับคีย์เวิรฺดหลายคำที่มีใน Feature Snippets ใน SERP แทนที่จะบ่นเกี่ยวกับมัน คงจะดีกว่าที่จะปรับและเริ่มใช้มันเพื่อประโยชน์ของคุณ
คุณจะทำอย่างไร
ไม่ต้องกังวลเพราะเราอธิบายให้คุณด้านล่าง:
วิธีทำให้เนื้อหาของคุณอยู่ใน Feature Snippets ที่แนะนำ
ก่อนอื่นคุณต้องรู้สิ่งสำคัญ: หากคุณต้องการให้ปรากฏใน Feature Snippets ที่แนะนำแล้ว หน้าเว็บของคุณต้องจัดอันดับในหน้า 1 ไม่มีวิธีอื่น ๆ
หากคุณต้องการได้รับการวิเคราะห์มากขึ้นคุณสามารถตรวจสอบสถิติและคุณจะเห็นว่าพวกเขาพูดความจริง การศึกษาโดย Ahrefs ยืนยันสิ่งนี้และดังนั้นก่อนที่จะนึกถึง Feature Snippets ที่แนะนำ คุณจะต้องไปยังหน้า #1 สำหรับคีย์เวิร์ดเป้าหมายของคุณ
ดังนั้นเว็บไซต์ที่มีการจัดอันดับในหน้า 1 สำหรับคีย์เวิร์ดจำนวนมาก จะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากแนวโน้มนี้ อย่างไรก็ตามทุกคนควรเริ่มปรับหน้าของพวกเขาเพื่อจัดอันดับใน Feature Snippets แนะนำ เนื่องจากเมื่อคุณได้อยู่ที่หน้า #1 คุณจะเพิ่มโอกาสของคุณ ของการเข้าไปใน Feature Snippets แนะนำที่มีค่า
ตอนนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะเน้นประเภทของคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม หากคุณมุ่งเน้นไปที่การให้ได้อยู่ที่ Feature Snippets แนะนำ ในคีย์เวิร์ดทั่ว ๆไปแล้วขอให้คุณโชคดี เพราะส่วนใหญ่มันจะไม่แสดงขึ้นมา
อย่างไรก็ตามคีย์เวิร์ดส่วนใหญ่ที่เป็นคำถาม ได้เป็น Feature Snippets แนะนำใน SERP
คุณควรเริ่มให้ความสนใจกับการวิจัยคีย์เวิร์ดของคุณ เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดเหล่านี้ และโดยส่วนใหญ่แล้วคีย์เวิร์ดเหล่านี้จะเป็นแบบลองเทล ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถกำหนดเป้าหมายได้ด้วยเนื้อหาเดียวกันได้ มันคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการจับคู่คีย์เวิร์ดของคุณอย่างถูกต้องและเขียนเนื้อหาของคุณตามนั้น
ตอนนี้คุณต้องใส่ใจกับโครงสร้างของหน้าเว็บของคุณด้วย
คุณต้องเริ่มใช้หัวข้อย่อย (เช่น H2, H3, H4, H5 ฯลฯ ) รายการหัวข้อย่อยรายการลำดับเลขและตาราง พวกเขาจะช่วยคุณในการจัดระเบียบเนื้อหาของคุณให้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพ UX และยังช่วยให้คุณมีโอกาสได้แสดงใน Feature Snippets ที่แนะนำ
สุดท้ายให้แน่ใจว่าเนื้อหาของคุณมีความเกี่ยวข้อง และช่วยผู้ใช้ที่มีคำถามและข้อสงสัย นั่นคือผลพวงของทุกสิ่ง แน่นอนคุณควรจับตามองการค้นหาด้วยเสียงและทำให้เนื้อหาของคุณเหมาะสำหรับเทรนด์นี้เช่นกัน เพราะจะช่วยให้คุณได้รับคุณลักษณะนี้สำหรับคีย์เวิร์ดเพิ่มเติมโดยเฉพาะการค้นหาด้วยเสียง
#16 – การใช้การวิเคราะห์ไฟล์ล็อกเพื่อปรับกลยุทธ์ SEO ของคุณ:
SEO ด้านเทคนิคมีความสำคัญเพิ่มขึ้น และการวิเคราะห์ไฟล์ล็อกเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญ มันยากที่จะทำและเป็นทุกข์อย่างมาก แต่มันสามารถช่วย SEO ของคุณได้อย่างมากเมื่อทำได้ถูกต้อง
มันช่วยให้คุณค้นหาปัญหา SEO ที่ลึกซึ้งและซับซ้อน ที่คุณไม่สามารถหาได้ด้วยวิธีอื่นใด และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงคุ้มค่ากับการลองดู
มันช่วยให้คุณเข้าใจว่าเครื่องมือค้นหารวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ของคุณจากภายใน และข้อมูลประเภทใดที่พวกเขาจัดรวบรวม สำหรับคนส่วนใหญ่สิ่งนี้จะฟังดูแปลก แต่ถ้าคุณพยายามยกระดับเกม SEO บริษัทของคุณ ให้ไปในระดับถัดไป ซึ่งสิ่งนี้มันจะเป็นเรื่องพื้นฐาน เพราะคุณจะรู้ได้อย่างถูกต้องว่า Google เคลื่อนที่ภายในเว็บไซต์ของคุณอย่างไร และข้อมูลใดที่พวกเขาส่งไปยัง ฐานข้อมูล
หากคุณพร้อมที่จะได้รับเทคนิคและนำเสนอแคมเปญของคุณในส่วนที่เหลือแล้ว คุณจะพบทุกสิ่งที่คุณต้องการในการเริ่มการวิเคราะห์ไฟล์ล็อกของคุณเอง ซึ่งจะนำข้อมูลที่มีค่าซึ่งไม่มีเครื่องมืออื่นใดนำมาให้ได้
ทำอย่างไร?
ก่อนอื่นคุณต้องดาวน์โหลดไฟล์ล็อก ซึ่งสามารถทำได้จากเซิร์ฟเวอร์ของคุณ ซึ่งมี 3 ประเภท:
- Apache
- W3C
- Load Balancing
Apache เป็นส่วนที่พบบ่อยที่สุดและโดยทั่วไปประกอบด้วย 5 ส่วนดังนี้
- URL ที่ถูกรวบรวมข้อมูล
- วันที่และเวลาที่โปรแกรมรวบรวมข้อมูลทำการร้องขอ (การประทับเวลา)
- ที่อยู่ IP หรือที่เรียกว่า Remote Host
- สถานะการตอบกลับสำหรับทุกหน้าที่โปรแกรมรวบรวมข้อมูลเข้าเยี่ยมชม
- ตัวแทนผู้ใช้ซึ่งสามารถเป็น GoogleBot ได้
ในการวิเคราะห์ไฟล์ล็อกของคุณ คุณจะต้องมีเครื่องมืออย่าง Screaming Frog ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับนัก SEO ที่สนใจในการทำงานด้านเทคนิคเช่นนี้
ตอนนี้ได้เวลาวิเคราะห์ข้อมูล … แต่คุณจะทำอย่างไร ต้องมองหาอะไร ตอนนี้คุณควรเปิดมันด้วย Screaming Frog ซึ่งต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางประการเกี่ยวกับสิ่งที่ควรตรวจสอบ:
- หน้าเว็บที่รวบรวมข้อมูลมากที่สุด ซึ่งเป็นหน้าเว็บที่ได้คะแนนสูงสุดจากจำนวนคำขอของตัวแทนผู้ใช้
- ตรวจสอบ GoogleBot เวอร์ชันต่าง ๆ ที่กำลังรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ของคุณ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขากำลังเยี่ยมชมหน้าเว็บที่ถูกต้อง
- วิเคราะห์ว่าโปรแกรมรวบรวมข้อมูล มีเวลาที่ยากลำบากในการเข้าถึงบางหน้าในเว็บไซต์ของคุณหรือไม่
ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับกรณีของคุณ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นคำแนะนำที่ควรคำนึงถึง
#17 – ให้ความสำคัญกับมาร์กอัปข้อมูลที่มีโครงสร้าง:
เราได้เห็นแล้วว่า AI นั้นสำคัญเพียงใดและ Google ใช้งานอย่างไรกับ RankBrain
อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากมัน คุณต้องเข้าร่วมหนึ่งในเทรนด์ที่สำคัญที่สุดในปี 2020: คือ การใช้มาร์กอัปข้อมูลที่มีโครงสร้าง
พูดง่ายๆก็คือคุณต้องทำให้ AI ทำการรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ของคุณได้ง่าย ยิ่งง่ายยิ่งดี ดังนั้นการใช้มาร์กอัปข้อมูลที่มีโครงสร้างจะช่วยให้คุณอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้ AI ทำการรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ของคุณได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั้นทำให้เข้าใจได้
วิธีการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้
ใช้ schema markup ที่ถูกต้องสำหรับแต่ละหน้าเว็บของคุณ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถทำให้เนื้อหาของคุณง่ายขึ้นในการรวบรวมข้อมูลและทำความเข้าใจ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้จัดระเบียบเนื้อหาของคุณอย่างชัดเจนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะยิ่งคุณสร้างเนื้อหาให้กับ Google ได้ง่ายขึ้นเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้รับ Feature Snippets และยังเพิ่มค่า CTR ของคุณด้วย เพราะหากลิงก์ของคุณใน SERP ได้รับองค์ประกอบ เช่น การให้คะแนน ผู้ใช้ก็จะมีแนวโน้มที่จะคลิกที่มากขึ้น
#18 – ความสำคัญของอัตราตีกลับและเวลาที่ใช้:
มันมั่นใจได้ 100% ว่าคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับอัตราการตีกลับ แต่เวลาที่ใช้ละ? องค์ประกอบนี้ไม่ได้รับความนิยมมาก แต่สำคัญสำหรับแคมเปญ SEO ของคุณ
มาเริ่มด้วยคำจำกัดความสั้น ๆ กัน:
- อัตราตีกลับ: เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมที่ออกจากเว็บไซต์ของคุณหลังจากดูเพียงหน้าเดียว
- เวลาที่ใช้: ตัวชี้วัดที่วัดเวลาที่ผู้เข้าชมใช้ในหน้าของคุณก่อนที่จะกลับไปที่ SERP
ทั้งหมดนี้หากอัตราตีกลับของคุณสูงเกินไปสำหรับสาขา/นิชของคุณ Google จะถือว่านี่เป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณภาพของเนื้อหาของคุณไม่ตรงกับความคาดหวังของผู้ใช้ดังนั้นการจัดอันดับของคุณจะลดลง
ง่าย ๆ แบบนั้น
เวลาที่ใช้ เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีเกี่ยวกับคุณภาพของเนื้อหาของคุณ เพราะยิ่งผู้ใช้ใช้เวลานานกว่าจะกลับมายัง SERPs ก็ยิ่งมีประโยชน์มากยิ่งขึ้นที่พวกเขาพบว่าเนื้อหาของคุณเป็นประโยชน์ และ Google จะพิจารณาสิ่งนี้ในเวลาที่จัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ
ดังนั้นคุณจะปรับปรุงอัตราตีกลับและเวลาที่ใช้ได้อย่างไร มันค่อนข้างง่าย:
วิธีการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้
มันง่ายมาก เพราะ สิ่งที่คุณต้องทำ คือการใช้เคล็ดลับทั้งหมดที่เราแบ่งปันให้กับคุณในโพสต์นี้ เพราะด้วยวิธีนี้คุณจะพาผู้ใช้ของคุณสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา
วิเคราะห์จุดประสงค์ในการค้นหา สร้างเนื้อหาที่ดีกว่าคู่แข่ง ตอบคำถาม จัดโครงสร้างหน้าเว็บของคุณอย่างถูกต้อง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าเว็บของคุณโหลดเร็วและคุณจะชนะใจพวกเขา และกลับมาบรรลุอันดับที่ดีขึ้นและได้รับการคอนเวอร์ชั่นมากขึ้นซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุด
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้มีการใช้วิดีโอและภาพ และหากคุณต้องการปรับปรุงอัตราการตีกลับและเวลาที่ใช้ให้มากขึ้น คุณสามารถใช้การแชทสด เพื่อให้ผู้ชมขอความช่วยเหลือได้โดยตรง
หากคุณสร้าง UX ในอุดมคติสำหรับลูกค้าของคุณ คุณจะต้องปรับปรุงการวัดเหล่านี้โดยตรงและคุณจะเห็นผลกระทบโดยตรงในการจัดอันดับของคุณ
#19 – รับรองความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณ:
มันสามารถเป็นบทความได้ทั้งเรื่อง โดยเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าความปลอดภัยของเว็บไซต์มีความสำคัญอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2020 นับตั้งแต่อาชญากรรมไซเบอร์เติบโตขึ้น
อย่างที่คุณเห็น มีเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2010 เป็นปี 2019 จำนวนเพิ่มจาก 3.8 ล้านเป็น 3.1 พันล้าน เพิ่มขึ้นประมาณ 263 เท่า
ข้อเท็จจริงนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะเริ่มให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น เนื่องจากจำนวนการโจมตีทางไซเบอร์จะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและ 2020 ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น
ดังนั้นอะไรคือเคล็ดลับพื้นฐานในการทำให้เว็บไซต์ของคุณปลอดภัย อ่านต่อเพื่อเรียนรู้วิธีปกป้องเว็บไซต์ของคุณจากภัยคุกคามออนไลน์ที่สำคัญ
วิธีป้องกันเว็บไซต์ของคุณออนไลน์
ขั้นตอนแรก คือ การเลือกโฮสต์คุณภาพสูงที่ให้การป้องกัน DDoS เนื่องจากการโจมตีเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ
ถัดไปคุณต้องอัปเดต CMS หรือระบบที่คุณใช้อยู่ตลอดเวลา และสิ่งนี้จะเหมือนกันสำหรับส่วนเสริมหรือปลั๊กอิน เนื่องจากมีการอัปเดตเป็นประจำเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องหรือช่องโหว่
จากนั้นคุณต้องใช้ไฟร์วอลล์เป็นประจำ มันจะช่วยคุณปกป้องเว็บไซต์ของคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์มากมาย
นอกจากนี้คุณควรติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดี เพื่อให้คุณสามารถป้องกันเว็บไซต์ของคุณจากความพยายามในการแฮ็กและแน่นอนว่าเป็นไวรัส
ในที่สุดคุณจะต้องทำให้รากฐานของคุณถูกต้อง: ลงทะเบียนโดเมนของคุณกับ WHOIS อย่างเป็นส่วนตัว และต้องแน่ใจว่าติดตั้ง HTTPS มันจะช่วยคุณในการป้องกันการทำธุรกรรมในเว็บไซต์ของคุณ และยังช่วยคุณในการจัดอันดับที่สูงขึ้นและปรับปรุง UX
#20 – WordPress 5 – อัปเดตปลั๊กอินเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในหน้าเว็บ:
เอดิเตอร์กูเทนเบิร์กกำลังทำให้ผู้ดูแลเว็บหลายคนปวดหัว และ ใช่ มีธีมและปลั๊กอินบางอย่างที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งกับมัน และดังนั้นมีผลกระทบในทางลบต่อการเพิ่มประสิทธิภาพบนหน้าเว็บของคุณ
ก่อนอื่นให้หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือสร้างหน้าเว็บกับกูเทนเบิร์ก เพราะมันสร้างปัญหาให้กับกูเทนเบิร์ก เพราะพวกเขากำลังทำงานเพื่อทำให้เครื่องมือสร้างเว็บพวกเขา สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือแก้ไขใหม่นี้ได้
ที่นี่คุณมีรายการของชุดรูปแบบที่เข้ากันไม่ได้กับกูเทนเบิร์ก:
- Avada
- Generate Press
- Enfold
- Ephemeris
หากคุณต้องการตรวจสอบฐานข้อมูลที่มีปลั๊กอินทั้งหมดที่เข้ากันได้กับกูเทนเบิร์ก คุณสามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่: https://plugincompat.danielbachhuber.com/
ซึ่งมันไม่ได้มีการอัปเดตอีกต่อไปแล้ว แต่จะให้พื้นฐานที่ดีในการเริ่มต้นด้วย
หากคุณต้องการข่าวล่าสุดเกี่ยวกับ WordPress 5.0 และเครื่องมือแก้ไขใหม่คุณสามารถตรวจสอบได้ที่นี่: https://gutenbergtimes.com/news/
ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ดังนั้นคุณต้องอัพเดตให้ทันสมัยและทำการแก้ไขที่จำเป็น
#21 – ทำไมคุณต้องใช้สัญญาณทางโซเชียลเพื่อการจัดอันดับ
ด้วยการเพิ่มขึ้นของการจัดทำดัชนีทางโซเชียลจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะก้าวไปในเกมโซเชียลมีเดียของคุณ และเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะเตือนคุณถึงความสำคัญของสัญญาณโซเชียลเพื่อการจัดอันดับ
ทำไมพวกเขาถึงสำคัญ?
ง่าย ๆ พวกเขาตรวจสอบความนิยมของเว็บไซต์ของคุณ และช่วยให้คุณอยู่นอกเหนือการตรวจสอบเมื่อคุณเริ่มสร้างแบ็คลิงก์
ช่วยให้ Google เห็นว่าผู้คนชอบเนื้อหาของคุณ และดังนั้นจึงต้องเป็น “ลิงก์ที่คุ้มค่าพอ” ดังนั้นคุณสามารถรักษาการเข้าถึงของลิงก์ได้อย่างเหมาะสม ในขณะที่ซ่อนเจตนาที่แท้จริงของคุณไว้ มันทำให้ดูเป็นธรรมชาติได้ทุกครั้ง ดังนั้นคุณสามารถเพิ่มอันดับของคุณในขณะที่หลีกเลี่ยงการลงโทษ
ส่งสัญญาณโซเชียลได้อย่างไร
คุณสามารถซื้อมันได้ตลอดเวลา หรือคุณสามารถตั้งค่าแคมเปญ PPC เพื่อบูสต์หน้าเว็บที่ต้องการในเว็บไซต์ของคุณ
อย่างไรก็ตามก่อนที่คุณจะทำเช่นนั้น เราขอแนะนำให้คุณตั้งค่าคุณสมบัติทางโซเชียลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ Google เห็นว่าคุณเป็นธุรกิจจริง ๆ ตั้งค่าเหล่านั้นอย่างถูกต้อง โดยเพิ่มโลโก้คำอธิบาย ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ และทรัพย์สินทางสังคมอื่น ๆ ของคุณ
#22 – TF*IDF – สูตรของ Google ในการจัดอันดับหน้า:
หลายคนไม่เข้าใจหรือรู้จัก แต่ตอนนี้คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งของคนไม่กี่คนที่เข้าใจและใช้เพื่อประโยชน์ของคุณเองได้ โดยทุกการช่วยเหลือเล็กน้อยจะกลายเป็นประโยชน์กับคุณและนี่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
อย่างไรก็ตาม TF * IDF คืออะไร
โดยทั่วไป:
- TF: ความถี่ของคำศัพท์
- IDF: ความถี่ของเอกสารแบบผกผัน
มันเป็นสูตรทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ซึ่งช่วยให้เครื่องมือค้นหาเนื้อหาของคุณที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกันได้ ถ้ามันถูกปรับให้เหมาะสมสำหรับคีย์เวิร์ดที่คุณกำหนดเป้าหมายไว้
ลองตรวจสอบตัวอย่างสั้น ๆ เพื่อทำความเข้าใจวิธีการทำงาน:
สมมติว่าคุณมีเอกสารขนาดเล็กที่มี 300 คำ ที่มีคำว่า Google ปรากฏ 4 ครั้ง
TF สำหรับ Google จะเป็นจำนวนครั้งที่ปรากฏระหว่างความยาวของเอกสาร: 4/300 = 0.13 (โดยประมาณ)
ตอนนี้สมมติว่าเรามีเอกสารอีก 20 ล้านฉบับ โดยมีคำว่า Google ปรากฏในหนึ่งหมื่นเอกสารของเอกสารทั้งหมดนี้ จากนั้นเราสามารถคำนวณ IDF ในลักษณะต่อไปนี้:
- IDF = บันทึก (20,000,000 / 10,000) = 3.30 (โดยประมาณ)
จากนั้นการคำนวณ TF * IDF นั้นค่อนข้างง่าย คุณต้องคูณด้วย 0.13 * 3.30 ซึ่งให้เราได้ 0.429
- TF * IDF = 0.429
ถ้าคุณต้องการเรียกใช้การวิเคราะห์ TF * IDF สำหรับคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจง การทำด้วยตัวเองจะเสียเวลาและสิ้นเปลืองทรัพยากรมาก
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ TF * IDF ได้ที่นี่: https://moz.com/blog/using-term-frequency-analysis-to-measure-content-quality
มันยังช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจความหมายของคำพ้องในบริบทที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งสิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมาก เพราะจะช่วยให้เนื้อหาของคุณถูกจัดอันดับสำหรับคีย์เวิร์ดที่คุณอาจไม่เคยคิดมาก่อนเพราะมันมีหลายรูปแบบ
อย่างไรก็ตามคุณจะใช้สูตร TF * IDF เพื่อประโยชน์ของคุณได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่เราจะกล่าวถึงในด้านล่างนี้:
วิธีใช้สูตร TF * IDF:
ใช้เครื่องมือที่เราได้แบ่งปันกับคุณ เพื่อหาน้ำหนัก และหัวข้อที่แนะนำ และคีย์เวิร์ด เพื่อให้คุณสามารถรวมไว้ในเนื้อหาของคุณได้
อีกวิธี คือ ปฏิบัติตามคำแนะนำของเราเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการค้นหา และวิเคราะห์ผู้ชมของคุณ เพื่อให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่ครอบคลุมหัวข้อในลักษณะที่สมบูรณ์และครบถ้วน ด้วยวิธีนี้คุณจะได้อันดับที่สูงขึ้นมาก
สรุป:
อย่างที่คุณเห็น ในปีนี้เต็มไปด้วยความแปลกใหม่ที่จะเขย่า SERPs แน่นอน และต้องมั่นใจว่าคุณสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านี้ได้
ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของคุณเองหรือลูกค้าของคุณ มันเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องก้าวไปข้างหน้า และตอนนี้คุณมีเครื่องมือทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการเขย่าใน SERP ในปี 2020 นี้
หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยโปรดแสดงความคิดเห็นด้านล่างและเราจะติดต่อกลับไปหาคุณ!
ต้องการเป็นหนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จต่อไปของเราหรือไม่
ติดต่อเราวันนี้ เราจะช่วยให้แบรนด์ของคุณได้ผลลัพธ์พวกนี้และได้มากกว่านี้